รักษ์ธรรมะป่า…ส่งเสริมธรรมทาน…ศูนย์ศึกษาธรรมะป่า
พระธาตุ
พิพิธภัณฑ์สันตุสฺสโก (ออนไลน์) ที่ nippanang.com (นิพพานัง ดอท คอม)
ภาพที่ 1. พระบรมสารีริกธาตุ
ภาพที่ 2. พระบรมสารีริกธาตุ
หมายเหตุ ภาพ 1 พระบรมสารีริกธาตุและตำแหน่งภาพเหมือนกับภาพ 2 เป็นประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม การศึกษาพระธาตุ (เสด็จ) บันทึกภาพ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2557 โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ระบบดิจิทอลที่บันทึกภาพได้ในตัว (Celestron Handheld Digital Microscope Pro) โดย ผู้มีจิตศรัทธา
ภาพ 3. พระธาตุหลวงปู่ขาว อนาลโย
หมายเหตุ ภาพ 4. พระธาตุหลวงปู่ขาว อนาลโย ชุดเดียวกับภาพ 3 บันทึกภาพ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2557 โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ระบบดิจิทอลที่บันทึกภาพได้ในตัว (Celestron Handheld Digital Microscope Pro) โดย ผู้มีจิตศรัทธา
ปุจฉาวิสัชนาปัญหาธรรม (ต่างประเทศ เล่ม ๑)*
โดย พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
- พระธาตุ*
-
"การศึกษาเรื่องราวอันเกี่ยวแก่พระธาตุนั้น ส่วนใหญ่อาศัยจากตำราพระธาตุของ ท่านบุญช่วย สมพงษ์ อดีตอธิบดีกรมการศาสนา ที่พิมพ์เผยแผ่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นตำราพระธาตุที่สืบทอดมาจากของเก่า ซึ่งท่านโบราณาจารย์ได้เรียบเรียงสืบต่อกันมาช้านาน และพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา นักปฏิบัติธรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก ประกอบกับคำชี้แจงเรื่องราวอันเกี่ยวแก่พระธาตุ ก็ได้แสดงไว้ว่าอนุญาตให้นำไปจัดพิมพ์เพื่อเป็นการกุศลได้ จึงขอโอกาสนี้ จัดพิมพ์เรื่องพระธาตุในรูปแบบเรียบง่าย เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ร่วมศรัทธาทำบุญสร้างพระธาตุศรีศักดิ์รัตนไชยมงคลเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ วัดศรีศักดิ์พัฒนา ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย โดยมุ่งประสงค์ให้ท่านผู้อ่านได้มีพื้นฐานในเรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุพอสมควร"
"ขออานุภาพแห่งพระบรมสารีริกธาตุ อันเกิดแก่พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นสรณะที่พึ่งสูงสุดของชาวพุทธทั้งปวง ได้โปรดประทานพรให้ท่านผู้มานมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดศรีศักดิ์พัฒนา ประสบโชคดี มีความสุข ความเจริญ พรั่งพร้อมไพบูลย์ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอุปัทวันตราย และโรคาพยาธิทั้งปวง ประสงค์สิ่งใดที่ชอบประกอบด้วยธรรม จงสำเร็จสมหมายทุกประการ"
"เพื่อให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้สนใจ ได้มีความกระจ่างขึ้นพอสมควร ในเรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ จึงขอชี้แจงตามที่ท่านโบราณจารย์ได้เรียบเรียบไว้ดังนี้"
"๑. ลักษณะและคุณสมบัติของพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ"
- "ลักษณะของพระธาตุคล้ายคลึงกับเมล็ดกรวด หรือคล้ายเมล็ดผลไม้ เช่น เมล็ดผลฝรั่งที่เกาะติดกันเป็นก้อน (คือพระธาตุ พระฉิม หรือ พระสิวลี) แต่ผิดกันกับเมล็ดกรวด หรือก้อนกรวดมากตรงที่พระธาตุมีน้ำหนักเบามาก หรือเกือบไม่มีน้ำหนัก ส่วนกรวดและสิ่งของอื่นๆ มีน้ำหนัก"
"๒. สีและวรรณะของพระธาตุแท้"
- "มีลักษณะคล้ายมวลสารที่เกาะตัวเข้ารวมกันจึงมีความเบาเป็นพิเศษ และมักมีสีนวล แสด หรือวรรณะแดงปนเหลือง หรือ สีดำ (พระธาตุพระอานนท์) ลักษณะของสีจะนวล สะอาดคล้ายกับมีน้ำมันเคลือบ ไม่ด้านอย่างก้อนกรวด"
"๓. ถ้าเป็นพระธาตุขนาดเล็ก"
-
"ขนาดเมล็ดมะเขือข้างใน มีคุณภาพลอยน้ำและจมน้ำได้ คือ ทำให้จมและทำให้ลอยได้ เห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งสิ่งของอย่างอื่นๆ ยากที่จะมีคุณภาพเช่นนี้ แต่น้ำที่จะทดลองลอยพระธาตุนี้ จะต้องเป็นน้ำสะอาด และภาชนบริสุทธิ์ มิฉะนั้นพระธาตุอาจปาฏิหาริย์หายไป"
"มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในการสรงน้ำพระธาตุครั้งหนึ่งที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เอาน้ำไม่สะอาดไปสรงพระบรมสารีริกธาตุ ปรากฏว่าพระบรมสารีริกธาตุหายวับไปทันที ผู้คนพากันตกใจมาก ภายหลังปราฏกว่า พระบรมสารีริกธาตุเสด็จกลับคืนเข้าไปอยู่ในผอบเอง ตั้งแต่นั้นมาทางอำเภอจอมทองจึงกวดขันธ์น้ำสรงพระบรมสารีริกธาตุมาก ไม่ยอมให้นำน้ำอื่นๆ มาสรงพระบรมสารีริกธาตุอีกเลย"
"ลักษณะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า"
- "มีกล่าวไว้ในมหาปรินิพพานสูตร หนังสือปฐมสมโพธิฉบับกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พิมพ์เป็นตำราพระบรมสารีริกธาตุ ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ กล่าวว่า ลักษระของพระบรมสารีริกธาตุมีหลายชนิด เช่น พรรณคล้ายเมล็ดข้าวสาร เมล็ดข้าวเม่า ข้าวสารหัก และไข่แมลงมุม เป็นต้น ลักษณะเป็นสีมันเลื่อมระยับคล้ายมุก และน้ำหนักเบามาก โดยเฉพาะถ้าลอยน้ำแล้วจะลอยอย่างกดน้ำบุ๋มลงไป น้ำจะเป็นรัศมีโดยรอบทันที และถ้าเอาพระธาตุอื่นๆ ลอยตามไปด้วย พระธาตุนั้นจะลอยวนเข้าเกาะพระบรมสารีริกธาตุทันที"
"วิธีมาหรือวิธีที่ได้มา มีดังนี้"
- "๑. มีผู้ให้ เช่น พระสงฆ์ให้ หรือผู้ใหญ่ให้ ใครที่ได้เช่นนี้ นับว่ามีโชคอย่างประหลาด เพราะพระธาตุเป็นสิ่งหายากและให้กันก็ยาก"
-
"๒. เสด็จมาเอง หมายความว่า พระธาตุเสด็จมายังผู้ที่ได้เอง ตามคัมภีร์ว่า เมื่อได้มีเครื่องสรรพปูชนียภัณฑ์แล้ว พระบรมสารีริกธาตุทั้งปวงก็เสด็จไปสู่ที่อันประกอบด้วยเครื่องสักการบูชา ถ้ามีบุคคลบูชาอยู่ในประเทศใดแล้วก็เสด็จไปสู่ประเทศนั้น ด้วยกำลังอธิษฐานแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค"
"เคยปรากฏ ผู้ที่หมั่นสวดมนต์ไหว้พระและถือศีลอย่างบริสุทธิ์ พระธาตุมักเสด็จมาหาผู้นั้น แต่กรณีเช่นนี้มิใช่จะได้ทุกคน ใน 1,000 คน จะได้สักหนึ่งคนก็ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลย"
-
"๓. อัญเชิญเสด็จ ผู้อัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุขนาดเก่งมีที่ประจักษ์อยู่ ๒ ท่าน คือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ (ท่านเจ้าคุณภาวนา โกศลเถร) และท่านพ่อลี วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ (ท่านเจ้าคุณสุทธิธรรมรังษี) ท่านสองท่านนี้ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุได้ ลูกศิษย์ลูกหารู้กันดี"
"มีอีกท่านหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอรรถศาสนโสภณ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมอัยการ ท่านได้คาถาขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากคุณหลวงเชวงศักดิ์สงคราม"
"คาถาอันเชิญนั้นว่า"
- "อัชชตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คโตสมิ มหันตา ภินนมุคคา จ มัชญิมา ภินนตัณฑุลา ขุททกา สาสปมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพฐาเน อาคัจฉันตุ สีเส เม ปตันตุ
- "ท่านเจ้าคุณอรรถศาสนโสภณ ลงมือถือศีล ๘ นุ่งขาวห่มขาว สวดมนต์บริกรรมทุกวันที่หน้าพระ ท่านเอาขันสัมฤทธิ์ลอยดอกมะลิตั้งบูชาไว้ ท่านบริกรรม นั่งสมาธิกัมมัฏฐาน ถึงวันที่ ๗ มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงไปอยู่ในขันสัมฤทธิ์ ๓ องค์ท่านไม่เชื่อ ทีแรกเกรงว่าใครจะมาเล่นกลกับท่าน ท่านสั่งให้ปิดห้องพระเข้าออกได้แต่ท่านคนเดียว พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาอีก ๒ องค์ คราวนี้ท่านเอาฝาขันมาปิดขันเสีย ก็ยังปรากฏพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงมาอีก ๑ องค์ ท่านเจ้าคุณเลยเชื่อตั้งแต่นั้นมา"
"ความเป็นมงคลของพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ"
-
"ความเชื่อถือของคนโบราณเชื่อกันว่า พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ เสด็จประทับหรือจาริกไป ณ ที่ใด สถานที่นั้นเป็นมงคล จนถึงกับเชื่อว่าผู้ใดได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น เสด็จไปเป็นแสงรัศมีในเวลาค่ำคืน ผู้ที่ได้พบเห็นจะประสบโชคและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่"
"ทัศนะของคนโบราณกล่าวว่า ปาฏิหาริย์ของพระธาตุ เมื่อเสด็จไปนั้นเป็นสีเขียว-เหลืองนวลๆ เสด็จไปโดยขนานกับพื้นโลกไม่เป็นสีแดงวาบหรือสีขาวนวลอย่างอุกกาบาต หรือดาวตกที่พุ่งตกลงบนพื้นโลก"
"บทส่งท้าย-พระธาตุปาฏิหารย์"
-
"ตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏ จากเอกสารและเรื่องราวของทางราชการ หรือที่ท่านผู้ใหญ่ได้กรุณาจดบันทึกไว้ เรื่องราวปาฏิหาริย์ของพระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญที่สุดอยู่ใกล้กับเรามากที่สุดในปัจจุบัน คุณหลวงบริบาล บุรีภัณฑ์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร เขียนถึงพระปฐมเจดีย์ไว้ว่า"
"พระสถูปนครปฐม หรือ พระปฐมเจดีย์ บรรจะพระบรมสารีริกธาตุแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัยเพราะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งพันๆ ปี ทั้งได้เคยแสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแล้วหลายคราว"
- "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยพระองค์เอง ๓ คราว คือ ใน พ.ศ. ๒๓๔๙ พ.ศ. ๒๔๐๑ และ พ.ศ. ๒๔๐๘"
- "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็น ๒ คราว"
- "พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็น ๒ คราว คือเมื่อยังดำรงพระราชอิสสริยยศเป็นสยามมกุฏราชกุมารคราวหนึ่ง และเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วคราวหนึ่ง"
-
"เจ้าพระยาทิพากรวงษ์ เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า ปาฏิหาริย์นั้นมีทุกปี ปีละ ๒ ครั้งบ้าง ๓ ครั้งบ้าง ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใดก็เป็นทุกคราว"
"จนกระทั่งมีการพิสูจน์ และกล่าววาจาดูหมิ่นกันขึ้น เมื่อในปลายรัชกาลที่ ๔ พระปาฏิหาริย์จึงไม่ปรากฏเป็นเนืองนิตย์ น่าเสียดายที่มีผู้กล่าววาจาเท็จจ้วงจาบ จนเป็นเหตุให้รัศมีหายไป หาไม่พวกเราจะได้เห็นกันบ่อยๆ แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังแสดงให้ปรากฏแก่ผู้เป็นศาสนูปถัมภกอยู่อีกบ้างบางคราว เช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังได้กล่าวแล้ว หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล กรมศิลปากร ทรงนิพนธ์ไว้ว่า"
- "ในพระปฐมเจดีย์ คงมีพระบรมสารีริกธาตุเป็นมั่นคงกล่าวฝ่ายพุทธอำนาจ คือ ปาฏิหาริย์ก็มีมากมายหลายครั้ง เห็นเป็นแสงสว่างวาบออกมาจากพระปฐมเจดีย์บ้าง เป็นรัศมีบ้าง"
- "ยังมีเรื่องอัศจรรย์ในองค์พระบรมสารีริกธาตุ คือ ในครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นผู้แทนเดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ เมื่อกลับมาถึงกรุงสยามแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคัดเลือกพระบรมสารีริกธาตุสำหรับสยาม ใส่ผอบทองคำไว้ส่วนหนึ่งและสำหรับมิตรประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา หลังจากนั้นพระองค์จึงได้พระราชทานถุงผ้าบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ให้เจ้าพระยายามราชกลับไป"
- "ยังมีเรื่องอัศจรรย์ในองค์พระบรมสารีริกธาตุ คือ ในครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นผู้แทนเดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ เมื่อกลับมาถึงกรุงสยามแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคัดเลือกพระบรมสารีริกธาตุสำหรับสยาม ใส่ผอบทองคำไว้ส่วนหนึ่งและสำหรับมิตรประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา หลังจากนั้นพระองค์จึงได้พระราชทานถุงผ้าบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ให้เจ้าพระยายมราชกลับไป"
- "ในค่ำคืนนั้น ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ณ บ้านเจ้าพระยายมราช เมื่อท่านผู้หญิงตลับ ภรรยาเจ้าพระยายมราช เห็นแสงสีขาวสาดส่องไปยังถุงผ้าพระราชทานนั้น ท่านผู้หญิงรีบแจ้งให้เจ้าพระยายมราชทราบทันที เป็นเหตุให้เจ้าพระยายมราชรีบเปิดถุงผ้าพระราชทานออกดูทันใดนั้นพบว่า ยังมีพระบรมสารีริกธาตุ อยู่อีก ๓-๔ องค์"
- "เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าพระยายมราชจึงนำพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดไปถวายคืนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่พระองค์มีรับสั่งให้เจ้าพระยายมราชนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป"
- "ด้วยเหตุนี้สายสกุลสุขุม จึงน้อมบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จากกรุงกบิลพัสดุ์มาตั้งแต่บัดนั้น จนถึงพ.ศ. ๒๕๕๓ ทายาทดำริว่า ควรนำพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุไว้ที่บรมบรรพต และได้ถวายในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่อค่ำคืนที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตรงกับวันวิชาขบูชา ได้มีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุยังบรมบรรพต วัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร"